99 บทเรียนชีวิต จาก 9 ผู้อาวุโสมากประสบการณ์

99 บทเรียนชีวิต จาก 9 ผู้อาวุโสมากประสบการณ์

Author : A Day Bulletin

บทเรียนชีวิตจากเหล่าผู้อาวุโสที่เดินทางผ่านกาลเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนาน ประสบการณ์ชีวิตที่บ่มเพาะจนกลายเป็นแนวคิดดีๆ ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้จากความสำเร็จและข้อผิดพลาด . ทุกคนมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง บางครั้งหนทางอาจราบเรียบโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือบางครั้งเต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตด้วยจิตใจที่แน่วแน่ สวัสดีปีใหม่ไทย

นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (อายุ 91 ปี)
เจ้าของผลงานหนังสือ อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้

  1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี
    .
  2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสอง เป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ
    .
  3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย
    .
  4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว
    .
  5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส
    .
  6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง
    .
  7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ
    .
  8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี
    .
  9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือการเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด
    .
  10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือการเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข
    .
  11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ (อายุ 64 ปี)
นักแสดง, ครูสอนโยคะ และผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว ปทุมธานี

  1. คนเราไม่ควรจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย อย่างชีวิตป้าบางทีเหมือนจะไม่มีอะไร ก็ยังมีอะไรให้ทำ ให้ตื่นเต้นอยู่ทุกวัน แต่ไม่ต้องไปมองหาความตื่นเต้นหรอก เพราะมันจะกลายเป็นการเสแสร้ง แค่เอาใจใส่ไปกับทุกสิ่งที่เราทำ อย่าคิดว่ามันเป็นแค่หน้าที่ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
    .
  2. พอมาถึงวัยนี้แล้ว มันทำให้ป้ารู้ว่าเรื่องเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิต แต่สิ่งสำคัญคือทุกกิจกรรมในชีวิตและผลประโยชน์ที่คนอื่นได้รับจากการกระทำของเราต่างหาก
    .
  3. ถ้าเรารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ดีก็ไม่ต้องไปแคร์ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรหรอก ไม่ต้องห่วงหน้าตาเลย เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อหน้าตา เราทำเพราะเป็นงาน เป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ควรทำ คุณค่ามันเกิดจากหลายๆ อย่างรวมกัน ทั้งผลงาน การมีเงินไว้เลี้ยงชีพ ไปจนถึงประโยชน์ที่เกิดกับตัวเองและผู้อื่น
    .
  4. เราทุกคนมีบทบาท มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
    อย่าไปคิดว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องของฉัน’ บางเรื่องในสังคมเกิดมาจากช่องว่างเล็กๆ ที่เราอาจจะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
    .
  5. บางคนเจอปัญหาเลวร้ายในชีวิต อยากฆ่าตัวตาย ไม่ต้องฆ่าตัวตายตอนนี้หรอกเชื่อสิ เดี๋ยวสักวันก็ต้องตายเหมือนกันหมด ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียดายอะไร
    .
  6. มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนเราจะต้องใส่ใจกันทุกวัน อย่ารอไปเสียใจในวันที่เขาจากไปแล้ว บางทีเราช่วยคนไม่ได้ทั้งหมดหรอก แต่คนเราต่างก็ต้องการมีใครรับฟัง มีใครทำให้เขารู้สึกไว้วางใจและอบอุ่นใจ
    .
  7. ป้าไม่อยู่กับความฝัน ป้าอยู่กับความจริง เพราะไม่รู้ว่าความฝันจะเกิดขึ้นจริงไหม แต่ความจริงมันเกิดขึ้นแน่ๆ มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้ามัวแต่อยู่กับความฝันและความคิดที่ว่า ‘ฉันน่าจะทำอย่างโน้น ฉันน่าจะทำอย่างนี้’ ก็ไม่ได้เต็มที่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่สักที
    .
  8. เวลามีอะไรเข้ามา ป้าจะพิจารณา ถ้าเหมาะสมที่จะทำก็ทำเลย วิธีการใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ป้าไม่เสียดาย อย่างตอนนี้ถ้าถามว่าอยากย้อนกลับไปในช่วงวัยไหนหรือเปล่า คำตอบก็คือ ไม่ เพราะในทุกๆ ช่วงชีวิตเหล่านั้น ป้าได้เต็มที่กับมันแล้ว
    .
  9. ชีวิตป้าไม่มีคำว่า ‘เดี๋ยว’ มีแต่ ‘เดี๋ยวนี้’ ‘ทันที’ เพราะเมื่อเวลามันผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถเรียกเวลานั้นกลับมาได้ ฉะนั้น เวลาจะทำอะไรต้องทำทันที
    .
  10. เราต้องรู้จักรักตัวเอง เห็นคุณค่าตัวเอง มีศักดิ์ศรี แล้วก็รักพ่อแม่ เรามักจะคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นหมูในอวย จะพูดให้เขาชอกช้ำยังไงก็ได้ เขารักเรา เขาทนเราได้ ในขณะที่คนอื่นที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตเราเดี๋ยวเดียว กลับพุ่งทั้งตัวไปหาเขา กลัวเขาอยากเอาใจเขา ก็ลองคิดดูว่าที่เราทำแบบนั้น เราให้เกียรติตัวเองพอหรือยัง
    .
  11. สำหรับเด็กๆ รุ่นใหม่ อย่าไปเซ็ง อย่าไปเบื่อ ช่วงชีวิตตอนนี้เป็นเวลาสำหรับการเรียนและการงาน เต็มที่กับมัน ถ้าผ่านช่วงของการเรียนไปแล้ว มันผ่านแล้วผ่านเลยนะ ช่วงเวลาที่ลุ้นว่าจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ในตอนทำงานแรกๆ ก็ผ่านแล้วผ่านเลยนะ มันจะมันเฉพาะช่วงเวลานั้น เข้มข้นเฉพาะช่วงเวลานั้น และถ้าผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย

รองศาสตราจารย์ ดร. ชัยวัฒน์ คุประตกุล (อายุ 76 ปี)
นักวิทยาศาสตร์ นักเขียนเจ้าของนามปากกา ‘ชัยคุปต์’
ที่มีผลงานเขียนทางด้านวิทยาศาสตร์มากมาย

  1. ผมอยากขอบคุณความยากจนตอนเป็นเด็ก การซื้อหนังสือเป็นเรื่องที่ยากมาก ผมต้องเก็บเงินประมาณหนึ่งเดือนถึงจะซื้อหนังสือได้หนึ่งเล่ม ดังนั้น ด้วยความที่เราไม่มีเงินจะซื้อหนังสือแต่อยากอ่านหนังสือ จะให้ทำยังไงล่ะ ก็อ่านแหลก ผมได้เงินไปโรงเรียนวันละสลึงเอง ผมก็จะกินไม่เกิน 15 สตางค์ ที่เหลือก็หยอดกระปุก เดือนหนึ่งก็ได้สองบาท ก็พอซื้อหนังสือได้
    .
  2. การอ่านหนังสือทำให้ผมไปเจอข้อความที่เป็นประโยชน์กับผมมากๆ ก็คือพุทธวจนะ ‘อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน’ มันโดนใจผมมากจนต้องจดไว้เลย อีกข้อความคือ ‘การเป็นหนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง’ และสองประโยคนี้ก็เป็นหลักของผมมาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างที่ผมอยากได้ผมต้องหามา แล้วหาโดยไม่ต้องเบียดเบียนใคร
    .
  3. ทุกวันนี้ผมซื้อของไม่ว่าจะซื้อของบาทสองบาท เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นล้าน ซื้อบ้าน ผมก็จะซื้อเงินสดหมดเลย ทุกวันนี้ผมก็ยังยึดนิสัยตรงนี้อยู่ แล้วผมก็ไม่เคยเป็นหนี้แม้แต่บาทเดียว มีคนสงสัยว่าทำได้ยังไง ก็มีวินัยในการใช้เงิน วางแผนในการใช้เงิน แต่ผมก็ไม่ได้แนะนำให้ทุกคนทำตามผมนะครับ ผมไม่มีทั้งบัตรเครดิต ไม่มีทั้งเอทีเอ็ม มันเป็นการทดลองของผมว่าเราจะทำได้ไหม จะอยู่ได้ไหม
    .
  4. ต้องระวังสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์สามข้อ โลภ โกรธ หลง บางทีเราไม่รู้ตัว คิดว่าเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็อยากมีเงินเยอะ ผมจึงมีอีกข้อคิดคอยเตือนใจว่า ระวังของขวัญจากชาวกรีก Beware of Greek bearing gifts. มันคืออะไร ก็คือของขวัญรางวัลอะไรที่มีคนเสนอมาแล้วดีเกินไป อย่ารับเด็ดขาด ที่มาของคำนี้ก็คือ วรรณกรรมระดับโลก อีเลียด หรือ สงครามกรุงทรอย
    .
  5. เราต้องสังเกตตัวเอง ถ้าไม่สบายบ่อยโดยไม่มีสาเหตุ หงุดหงิดบ่อย เราตั้งใจทำงานแต่ทำไมไม่มีคนชอบเราเลย เอาล่ะ ถึงเวลาต้องทบทวนตัวเองแล้ว สาเหตุมันจะมาจากสองอย่าง หนึ่ง จากตัวเราเอง หรือสอง จากคนอื่น แต่สาเหตุที่คนส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นก็คือสาเหตุจากตัวเอง แต่ถ้าทบทวนตัวเองก็จะเห็น
    .
  6. ชีวิตไม่ต้องไปเคร่งครัดมากมายนักหรอก ยังมีสีสันในชีวิตได้ ยังดูหนัง ฟังเพลง สนุกกับชีวิตได้ แต่บางเรื่องผมก็จะไม่ทำ เช่น กินเหล้า สูบบุหรี่ ไปในที่ที่ไม่ควรไป เที่ยวกลางคืนไม่เอา
    .
  7. สำหรับความรัก เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือ ต้องจริงใจต่อกัน ต้องมีความปรารถนาที่อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข ไม่อยากให้อีกคนเป็นทุกข์ พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องคิดถึงอกเขาอกเรา คิดถึงจิตใจของเขา จะคิด จะทำ จะพูดอะไร ให้คำนึงถึงความรู้สึกของอีกคนหนึ่งเสมอ เราไม่ชอบแบบไหน เราก็อย่าไปทำ
    .
  8. ผมเชื่อว่า คนจำนวนมากกลัวตาย กลัวตกนรก กลัวคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ตัวเองเคยทำไม่ดี และนั่นคือช่วงที่ทรมานมาก ผมว่าการเตรียมตัวตายยิ่งเร็วยิ่งดี โดยขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร เรามีสิ่งดีๆ ให้นึกถึงไหม ถามว่ากลัวตายไหม ไม่กลัวนะ มันยิ่งทำให้ผมมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น เวลาจะคิดจะพูดก็ต้องไตร่ตรอง คำพูดเมื่อพูดไปแล้วต้องรักษา
    .
  9. สิ่งที่ผมกลัวอย่างเดียวก็คือ กลัวอยู่ในภาวะที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และเป็นภาระให้กับคนอื่น ทุกวันนี้ก็ยังกลัวอยู่ ผมก็เลยเข้าใจในบริบทของต่างประเทศที่มีการการุณยฆาต ที่ให้หมอช่วยคนป่วยที่หมดสภาพและอยากตาย ถ้าถามผม ในวันที่ผมหมดสภาพแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว ผมก็อยากจะไปโดยที่ไม่ทรมาน
    .
  10. ในยุคของผม เรามีสถาบันสังคมที่สำคัญมากๆ 4 สถาบัน ได้แก่ สถาบันผู้ใหญ่ หมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม ในครอบครัว, สถาบันสงฆ์, สถาบันครู และสถาบันเพื่อน ศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ก่อนผู้ใหญ่ก็เป็นที่น่าเคารพจริงๆ เราไหว้ได้อย่างสนิทใจ อย่างสถาบันครูก็สำคัญ ผมยังจำครูในสมัยเด็กๆ ได้ดี อย่างพระสงฆ์เราก็นับถือได้จริงๆ คนไทยสมัยก่อนเวลาต่อยกัน ถ้าพระผ่านมายังหยุดไหว้แล้วค่อยต่อยกันต่อ สถาบันเพื่อนคือ เมื่อก่อนเพื่อนจะไม่หากินกับเพื่อนนะครับ เพื่อนที่คิดไม่ดีกับเพื่อนจะไม่มี แต่เดี๋ยวนี้…
    .
  11. เงินสำคัญ แต่ไม่สำคัญที่สุด เราต้องมีเงินเพื่อดูแลตัวเอง ดูแลคนที่เรารับผิดชอบได้ และถ้าเราขยันเราก็รวยได้ แต่อย่าไปบ้าเงิน วิธีไหนได้เงินเอาหมด อย่าไปทำ แล้วจะเสียใจ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นสัจจะวาจาที่จริงเสมอ

อุดม ทรงแสง หรือ อุดม ชวนชื่น (อายุ 80 ปี)
นักแสดง, นักดนตรี

  1. ทุกวันนี้ความสุขของพ่อคือการเป็นนักดนตรี อายุขนาดนี้ก็ยังฝึกดนตรีอยู่ เครื่องดนตรีก็มีเต็มบ้าน พอว่างๆ ก็มานั่งเล่นเปียโน เป่าแซกโซโฟน หรือเขียนเพลง ขายได้ไม่ได้ไม่สน เพราะความสุขคือการได้นั่งเขียนเพลง แล้วเขียนเสร็จก็ไม่ขายใครอยากได้ก็เอาไปร้องเลย จะให้เงินหรือไม่ให้เงินก็ไม่เป็นไร
    .
  2. ชีวิตคนเราไม่ต้องไปมองคนอื่น มองแค่ตัวเราเองนี่แหละ คนอื่นจะร่ำรวยล้นฟ้ายังไงก็ช่างเขา เรามุ่งไปแค่สิ่งที่เราต้องการ ทำให้ได้ ทำให้สำเร็จ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ชอบอะไรก็ทำไปอย่างที่ตัวเองชอบ แต่ต้องทำให้สำเร็จนะ ถ้าไม่สำเร็จก็ลองเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นดู
    .
  3. สมัยก่อนคนจีนเขามาจากแผ่นดินใหญ่เขาไม่มีอะไรเลย บางคนก็มาขายไม้ขีด ขายยาดม ขายลูกอม แต่เขาก็ยังตั้งตัวเป็นเถ้าแก่ขึ้นมาได้ เพราะเขาทำจริง รักในงานที่ทำ และทำในงานที่รัก ถ้าเราไม่รัก เราก็จะไม่อยากทำ ต่อให้จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ถ้าได้ทำในสิ่งที่รักก็จะไม่เสียดายที่ลงแรงไป เพราะถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว
    .
  4. ทุกวันนี้ไม่เคยเสียดายอะไรเลย ตอนนี้ถือว่าได้กำไรชีวิตมา 20 ปีแล้ว ชีวิตพ่อไม่เคยมีความเศร้า ไม่เคยร้องไห้ แต่เสียใจอยู่อย่างเดียวตอนที่พ่อแม่ตาย แต่เราไม่มีอะไรจะให้แก แกเลี้ยงเรามา ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณเลย เพราะออกจากบ้านมาทำงานด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 15 เข้ากรุงเทพฯ โดยไม่รู้จักใครเลย
    .
  5. พ่อไม่เคยทำตามอย่างใคร เห็นคนนี้เขาเก่งทางนี้ เราก็ไม่ต้องไปแข่งกับเขา แต่ให้ไปหาทางอื่นเอา แล้วจะเจอทางที่เป็นของตัวเอง ส่วนคนไหนเก่งก็อย่าถือว่าตัวเองเก่ง จงนึกเสมอว่าเรายังไม่เก่ง ถ้าถือว่าเก่ง เราก็จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้
    .
  6. คนที่เรียนมาเยอะๆ หลายคน พอมาปฏิบัติจริงก็ใช้ไม่ได้ เพราะไม่เคยลงมือทำ เหมือนเวลาเป่าแซกโซโฟน ถ้าเน้นแต่จะเป่าให้ตรงโน้ตอย่างเดียว สำเนียงก็จะใช้ไม่ได้ ทางที่ถูกคืออ่านโน้ตแล้วต้องจำด้วย จากนั้นค่อยหาทางเป่าให้มันเป็นทางของเรา แล้วเสียงที่ออกมาจะไม่เหมือนใคร เหมือนการใช้ชีวิตนั่นแหละ เราอยากใช้ชีวิตแบบไหนก็ใช้ให้มันเป็นตัวเรา อย่าไปเชื่อหรือฟังเสียงคนอื่นมาก
    .
  7. โซเชียลมีเดียก็เหมือนกัน อย่าไปฟังมันมาก เพราะแป๊บเดียวมันก็ทำให้เราพังได้ ถ้าเราไปฟังเสียงคนไม่รู้จักเยอะๆ ประสาทเราก็จะเสีย พอประสาทเสียก็ทำอะไรไม่ถูก และจะไม่กล้าทำอะไรเลย
    .
  8. คนเรามีได้ก็ต้องมีเสีย จะมาได้อย่างเดียวได้ยังไง เหมือนเวลาซื้อรถดีๆ มาขับ พอขับไปชนตู้มเดียว รถแพงแค่ไหนก็หมดค่า บางคนตายไปก็มี เพราะฉะนั้น ใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เสียแล้วเสียไป คิดดีๆ ว่าสิ่งที่เสียไป เราเคยได้มาเยอะกว่านี้อีก
    .
  9. พ่อไม่เคยถือว่าความรักเป็นเรื่องอมตะ เพราะความรักเป็นสิ่งเลื่อนลอย รักได้ก็จากได้ ไม่เคยร้องไห้กับการที่เมียจากไป อยากไปก็ไป ฉันไม่ว่า ไม่รักก็ไม่ต้องรัก มันเป็นเรื่องขี้หมา บางคนเลิกกับเมียร้องไห้จะเป็นจะตาย จะบอกว่าปล่อยเขาไปเถอะ เพราะคนไม่รักทำยังไงเขาก็ไม่รัก
    .
  10. ที่อารมณ์ดีได้ตลอดเวลาเพราะเป็นคนไม่คิดมาก เรื่องเครียดๆ ก็ขำได้ ลูกเมียจะเครียด เราก็ขำว่าจะเครียดกันทำไมวะ ถ้าลูกทะเลาะกันก็จะเดินออกจากบ้านเลยไม่อยู่ฟัง เพราะถ้าเราฟังแต่เรื่องดีๆ ชีวิตก็จะมีแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าฟังเรื่องร้ายๆ ชีวิตมันก็ร้าย พอมีคนมาพูดเรื่องร้ายๆ ให้ฟังก็จะแกล้งทำหูทวนลม ใครพูดตลกๆ ถึงจะคุยด้วย ยกเว้นคนเมา เพราะคุยกับมันไม่รู้เรื่อง
    .
  11. พ่อไม่เคยกลัวแก่ เพราะคนเราถึงเวลาก็ต้องแก่ เขาให้พ่อไปดึงหน้าก็ไม่เอา ไม่ต้องไปดึง คนเราความแก่ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาหรอก มันอยู่ที่ใจกับปาก ถ้าปากไม่ดีใครก็ไม่มอง ส่วนใจก็ต้องทำตัวให้ไม่แก่ ทุกวันนี้ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่ ถ้าคิดว่าแก่ก็คงต้องอยู่บ้าน ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แบบนั้นไม่ใช่พ่อ

สุชาดี มณีวงศ์ (อายุ 71 ปี)
ผู้ก่อตั้งรายการสารคดีโทรทัศน์ กระจกหกด้าน
กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริลเลี่ยนส์ แอนด์ ทรีไลอ้อนส์ จำกัด

  1. ที่บอกว่าเรายังมีไฟในการทำงานอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเราทำตัวให้ไม่แก่ เราอยากมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง ตายไม่กลัว แต่กลัวป่วย เพราะฉะนั้น ก็จะดูแลตัวเองทุกอย่าง กำหนดอาหาร กินวิตามิน พักผ่อนมากๆ ตรวจร่างกายเสมอ และที่สำคัญคือ ‘ไม่โกรธ’ เลย
    .
  2. เมื่อก่อนเป็นคนที่ใจร้อนมาก ทุ่มเป็นทุ่ม เขวี้ยงเป็นเขวี้ยง ต่อยเป็นต่อย เพราะเราทำงานสื่อ มีลูกน้องผู้ชายเยอะ ถ้าเราไม่เด็ดขาด ลูกน้องก็จะไม่เกรงใจ แต่เดี๋ยวนี้ก็ปรับตัว สืบเนื่องมาจากการรักตัวเอง กังวลเรื่องสุขภาพตัวเอง เริ่มละวาง ธรรมะก็มีส่วน ตั้งแต่อายุสามสิบกว่าๆ ก็นั่งสมาธิภาวนา รักษาศีล และทำทาน
    .
  3. เราเพิ่งจะฝึกตัวเองให้ไม่โกรธเลยได้สักสองปี ไม่มีความโกรธเลย สมัยก่อนเดือดมาก ทะเลาะกับตำรวจ ทะเลาะกับทหาร บอกเลยไม่กลัวหรอก แต่เจอครูบาอาจารย์ดี ท่านก็สอนว่าอย่าถืออัตตา อย่ายึดมั่นถือมั่น ก็เริ่มลดทุกอย่างลง ข้อดีของการไม่โกรธคือทำให้เราสบายใจ และไม่เป็นมะเร็ง (หัวเราะ)
    .
  4. สิ่งที่น่าห่วงสำหรับเด็กยุคนี้คือสังคมหมุนไปเร็วเหลือเกิน บางครั้งเขาก็รับเทคโนโลยีใหม่ๆ กระแสวัฒนธรรมใหม่ๆ โดยไม่กลั่นไม่กรอง เขาเสพทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและไม่มีภูมิต้านทาน เพราะฉะนั้น น้อยรายที่เอาตัวรอด และควบคุมตัวเองได้ เพราะเวลาที่อยู่ในสังคม ถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เราจะไปใหญ่โตในโลกนี้ได้อย่างไร
    .
  5. การเสพสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เสพไปเถอะ ถ้ามีภูมิต้านทาน เมื่อตัวเองมีภูมิต้านทานก็จะรู้ว่าอันนี้ถูก อันนี้ไม่ถูก ทุกวันนี้เราเองก็ยังให้วัคซีนตัวเองตลอดเวลา ในทางโลกเราก็ต้องฉีดวัคซีนหวัด อย่างตอนที่ระบาด เราเองก็แค่แสบๆ คันๆ คอ แล้ววัคซีนของใจเราเองล่ะ ทาน ศีล ภาวนา เราต้องมีให้กับตัวเอง
    .
  6. การจะสอนคนมีสองแบบ หนึ่ง สอนปาวๆ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สอง เราทำให้เขาดู แบบนี้มันซาบซึ้งกว่ากัน สมัยเราสูบบุหรี่ ลูกหัดสูบตาม เราก็ไม่ต้องไปว่าเขา แต่พอเราเลิก เขาก็เลิกไปเอง
    .
  7. ทุกวันนี้สนุกกับชีวิตจะตาย คติพจน์เรามีมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าต้อง ‘รักตัวเองให้เป็น’ ถ้าเธอไม่รักตัวเองเธอจะรักใครไม่ได้ในโลกนี้ คนที่เอาแต่ดูแลแต่คนอื่นแต่ไม่ดูแลตัวเองเลย นั่นไม่ถูกต้อง
    .
  8. เรื่องของความรักก็เช่นกัน ความรักคือการทำให้คนที่เรารักมีความสุขอย่างถูกทำนองคลองธรรม สมมติ สมัยเด็กๆ ถ้าลูกจะขอซื้อรถ เราบอกเลยไม่ให้ เพราะว่าไม่ถูกทำนองคลองธรรม เดี๋ยวเธอก็ไปเสยยายแก่ตาย อย่าใจอ่อน เราบอกเลยว่า ขอโทษนะ บางทีเธออาจฟังแล้วไม่ถูกหู แต่เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องสอน
    .
  9. ข้อดีของอายุที่มากขึ้นคือ ทำให้เราฉลาด ตอนนี้ให้กลับไปเป็นสาวเอ๊าะๆ ผิวเต่งตึง ไม่เอา ขออยู่อย่างนี้ เพราะฉลาด เรามองโลกอย่างคนฉลาด ไม่ได้มองอย่างคนโง่ ไม่กลัวไอ้โน่นกลัวไอ้นี่ รักไอ้โน่นโกรธไอ้นี่ แต่ตอนนี้อารมณ์เรามันราบเรียบ รู้ว่าสิ่งรอบตัวเรามันไม่ใช่ของจริง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    .
  10. วิชาชีวิตเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง สิ่งนี้ไม่มีใครสอน อย่างเราผ่านชีวิตมาหมดแล้ว แก่ตัวไปก็มีสตางค์ดูแลตัวเอง มีบ้านอยู่ ไม่มีหนี้สิน เราต้องเรียนรู้และพอใจกับตัวเอง อย่าไปมองคนที่เขาดีกว่าเรา อย่าไปมองเสี่ยแสนล้าน เสี่ยสองแสนล้าน
    .
  11. เราไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีเลยนะ แต่เราจะบอกว่าตัวเองเป็นคน ‘เลวน้อย’ คนอื่นเขาเลวกันสุดกู่ แต่เราเลวนิดเดียว ถามว่าเป็นมนุษย์มันไม่เลวได้ไหม ไม่ได้หรอก อย่างไรมนุษย์ก็ต้องมีความเลวอยู่บ้าง

สุลักษณ์ ศิวรักษ์ (อายุ 83 ปี)
นักคิดนักเขียนฝีปากกล้าคนสำคัญของไทย
เจ้าของนามปากกา ‘ส.ศิวรักษ์’ ที่ทุกคนรู้จักกันดี

  1. ข้อดีของคนแก่ คือ เราได้ผ่านกาลเวลามามาก กาลเวลาเหล่านั้นก็เป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ข้อดีข้อเสียข้อบกพร่องของเรา นี่คือสิ่งที่เราจะได้ประโยชน์ยิ่งกว่าคนหนุ่มคนสาว เพราะคนหนุ่มคนสาวเขายังวัยไม่ถึง เขาก็ยังเห็นไม่พอ ยังฟังมาไม่พอ แต่ขณะเดียวกันเวลาคุยกับคนหนุ่มคนสาว เราก็ได้ประโยชน์จากคนหนุ่มคนสาว
    .
  2. วิธีที่จะทำให้ตัวเองไม่เก่าก็คือ หนึ่ง อ่านหนังสือใหม่ๆ อยู่เรื่อย และสอง พบคนใหม่ๆ อยู่เรื่อย ผมชอบแสวงหาเพื่อนตลอดเวลา การได้พบคนหนุ่มมันทำให้ผมได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะ
    .
  3. คนแก่นับว่าเป็นปัญญาของสังคม เป็นชราธรรม เป็นสิ่งที่คนหนุ่มคนสาวไม่มี ในขณะเดียวกัน คนแก่ก็ต้องไม่คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนหนุ่มสาว ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เคารพซึ่งกันและกัน ผู้หญิงเคารพผู้ชาย ผู้ชายเคารพผู้หญิง มนุษย์เคารพสัตว์ เคารพป่าไม้ เคารพต้นไม้
    .
  4. การย้อนไปเสียดายเรื่องในอดีตไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แต่ถ้าให้คิดดูก็จะมีว่า ตอนหนุ่มๆ ผมก็ใจร้อนมากเกินไป เอาแต่ใจตัวมากเกินไป บางทีลูกน้องเขาก็เดือดร้อน แต่เราไม่รู้ตัว ผมค่อนข้างเผด็จการ ถ้าแก้ได้ก็อยากจะลดทอนความใจร้อน ให้ใจเย็นลง
    .
  5. ใจเย็นเป็นของดี ศาสนาพุทธยกย่องความใจเย็น นิพพานแปลว่าเย็น ยิ่งหนุ่มยิ่งสาวยิ่งต้องใจเย็นให้มาก มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ ต้องฝึกให้เป็นคนประเสริฐ เป็นเลิศ เมืองไทยขาดตรงนี้ กลายเป็นฝึกให้เป็นคนกึ่งดิบกึ่งดี ฝึกคนให้หาเงินหาอำนาจ ไม่ฝึกให้คนเป็นเลิศ
    .
  6. Slow is beautiful. ความช้าเป็นของดี ของงาม จิ๋วแต่แจ๋ว ของเล็กๆ นี่แหละงาม คนไทยเราสมัยก่อนเขาก็มุ่งไปที่ความ-เล็กความน้อย สังคมเดี๋ยวนี้เน้นให้คนทำอะไรเร็วๆ แต่การทำอะไรเร็วๆ มันจะทำลายตัวคุณเองนะ ทำลายร่างกาย ทำลายจิตใจ ทำลายสมอง แล้วเราก็ไปฝังหัวหมดทุกอย่าง ต้องมีรถไฟที่เร็ว เรือบินที่เร็ว หารู้ไม่ว่าเครื่องยนต์กลไกที่เร็วมันให้โทษ เทคโนโลยีกระแสหลักให้โทษมากกว่าให้คุณ
    .
  7. สิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตเรา เรามักจะมองข้าม เพราะเราไปเชื่อฝรั่ง I think therefore I am. คิดเยอะแปลว่าฉลาด แต่คิดเก่งเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเป็นคนดีได้นะ มันคนละเรื่องกัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เพราะอานาปานสติ ท่านเดินตามลมหายใจ ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตให้ช้า คุณก็เดินลมหายใจให้ช้าลง คุณสังเกตสิว่าถ้าคุณหายใจเร็ว คุณกำลังผิดปกติ เวลาคุณเครียดจัดก็จะหายใจผิดปกติ
    .
  8. ถามว่ากลัวตายไหม เวลาตอบคุณจะตีฝีปากยังไงก็ได้ว่าไม่กลัวตาย แต่มนุษย์มีความกลัวตลอดเวลา คุณต้องฝึกให้ไม่กลัวตาย แล้วมนุษย์เราก็ไม่ได้กลัวตายอย่างเดียว เรากลัวจะตกงาน กลัวคนไม่นับถือ ความกลัวเป็นพื้นฐานของมนุษย์เลยนะ ลึกๆ แล้วเรามีเซ็กซ์ก็เพราะความกลัว เพราะเราคิดว่าอีกฝ่ายจะให้ความอบอุ่นกับเราได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับเขา
    .
  9. การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนคุณว่ายน้ำไม่เป็นแล้วคุณเกาะหยวกกล้วย เกาะทางมะพร้าว แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า คุณต้องว่ายน้ำให้เป็น ท่านสอนให้คุณเอาชนะความกลัวให้ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณหมดความกลัว คุณก็จะไม่มีความ-เกลียด แล้วถ้าคุณให้อภัยได้ ก็เพราะคุณไม่มีอะไรจะต้องกลัว
    .
  10. คนถือพุทธต้องภาวนาทุกวัน เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา เรามีความตายเป็นธรรมดา เราต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดา เราต้องเผชิญสิ่งที่ไม่รักเป็นธรรมดา เรามีกรรมของเราเอง เราทำอะไรไว้กรรมนั้นก็มาสนองเรา
    .
  11. ชีวิตคู่อย่าไปเชื่อฝรั่งมาก ที่บอกว่าคนสองคนเป็นคนคนเดียวกัน ไม่จริง คนสองคนเป็นคนละคนกัน ผู้ชายต้องรู้จักเคารพผู้หญิง ผู้หญิงต้องรู้จักเคารพผู้ชาย อยู่ด้วยกันกระทบกระทั่งกัน ต้องให้อภัย ทะเลาะกัน รุ่งเช้าต้องดีกัน อย่าปล่อยเอาไว้นาน มันไม่ดี ใครทำผิดก็ขอโทษ เหมือนพระที่ต้องปลงอาบัติ ถึงจะอยู่กันยืด

ชมัยภร แสงกระจ่าง (อายุ 65 ปี)
นักเขียน, ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2557

  1. ทุกวันนี้มีสองอย่างหลักๆ ที่ทำอยู่ คือเขียนหนังสือ กับสอนหนังสือ เขียนหนังสือก็เพื่อทำความเข้าใจชีวิตของตัวเอง สอนหนังสือก็คือสอนเพื่อให้คนอื่นเข้าใจชีวิต การทำความเข้าใจชีวิตจะทำให้เรารู้จักมนุษย์คนอื่นและตัวเราชัดเจนมากขึ้น เพราะว่าเราอยู่คนเดียวไม่ได้ เราจะดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อรับรู้ว่าคนรอบๆ เรามีอยู่จริง
    .
  2. การเขียนเป็นสิ่งที่มอบความสุขให้เรา เวลาที่เขียนหนังสือเหมือนกับว่าเราได้ทำให้สิ่งที่มีอยู่ข้างในตัวเราได้มีที่ทางอย่างชัดเจน การที่เราสามารถระบายอารมณ์ หรือทำให้ตัวเองรู้สึกอิ่มสมบูรณ์ภายใน เป็นความสุขอย่างยิ่ง มันเป็นการทำความเข้าใจขั้นตอนการมีชีวิตอย่างหนึ่ง
    .
  3. คนมักจะบอกว่าในหนังสือของเราไม่มีตัวร้าย เพราะเราคิดว่าจริงๆ แล้วไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายในสังคมหรอก ทุกคนอยากเป็นคนดี แต่วิถีชีวิตกดดันให้ต้องทำอะไรที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากไม่ดี เวลาเขียนเราจึงแสดงให้เขาได้ดูว่าความไม่อยากหรือความอยากของตัวละครเหล่านั้นคืออะไร พอคนอ่านเข้าใจ มันก็คือการที่มนุษย์เข้าใจมนุษย์ด้วยกัน สิ่งนี้จะทำให้คนเราเห็นใจคนอื่นมากขึ้น
    .
  4. ช่วงชีวิตที่แย่ที่สุดของเราคือช่วงที่รับราชการ และถูกกล่าวหาว่าประพฤติปฏิบัติมิชอบต่อหน้าที่ จนกระทั่งเขาให้ออกจากราชการไว้ก่อน ช่วงนั้นเป็นความมืดดำของชีวิตมืดดำเสียขนาดที่ถ้ารับมันไม่ทัน ทุกวันนี้อาจจะกลายเป็นคนซึมเศร้าไปเลยก็ได้ เราอยู่ในคดีความหรือหลุมดำมายาวนาน 23 ปี แต่ที่เราผลักตัวเองออกมาจากหลุมดำได้ก็เพราะว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นเหลือ คือถ้าเราอยู่แต่ในหลุมดำเท่ากับว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย จึงไม่มีทางเลือก ต้องโผล่ออกมาจากหลุมให้ได้
    .
  5. อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่มองเห็นประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย เราไม่ใช่คนประเภทปิดตา ที่คิดว่าฉันตกหลุมแล้วจะก้มหน้าอยู่อย่างนี้ เราไม่ก้มหน้า เราเงยหน้า พอเงยหน้าก็จะเห็นคนที่เขายื่นมือมาหา พอเราจับมือเขาขึ้นไปจากหลุมสุดท้ายก็จะเจอทางเดินในชีวิต
    .
  6. ความทุกข์เป็นสิ่งที่เมื่อมันเข้ามาแล้ว เราต้องหาประโยชน์จากมัน ถ้าความทุกข์เข้ามาแล้วเราจะบอกว่าไม่เอา ไล่มันก็ไม่ไป มันจะอยู่ตรงนั้นแหละ รูปร่างเป็นอย่างไรก็คิดไม่ออก เราต้องนั่งคิดเลยว่าแล้วจะใช้ประโยชน์อะไรต้องยืนสู้กับมันให้ได้ เรียนรู้สิว่ามันคืออะไร
    .
  7. ถ้าไม่อยากย้อนมาเสียดายเวลาในชีวิต สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเมื่อคุณเลือกอะไรไปแล้ว ให้คุณก้าวต่อไปจากจุดนั้น อย่าถอยหลัง ยกเว้นแต่ว่าถ้าคุณตระหนักรู้ว่าสิ่งที่คุณก้าวเข้ามามันเป็นไฟ และแน่นอน ชีวิตมันย้อนหลังไม่ได้ คราวนี้คุณก็ต้องเลือกว่าจะก้าวไปทางซ้ายหรือทางขวาถึงจะดีที่สุด
    .
  8. การมีอายุมากขึ้นจะทำให้คุณเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต คุณจะมีโอกาสให้คนอื่นมากขึ้น ถึงคุณไม่มีทรัพย์สมบัติจะให้เขา แต่คุณให้ประสบการณ์เขาก็ได้ หรือการกระทำบางอย่างที่ตอนเด็กไม่เข้าใจ เราก็เข้าใจมากขึ้น พอแก่เรารู้เลยนะว่าเราหรือเขามีความอยาก ความแก่มันสอนให้เราอ่านชีวิตเป็น อ่านพฤติกรรมมนุษย์เป็น
    .
  9. อีกอย่างที่ความแก่มอบให้ คือทำให้เรากกกอดสิ่งต่างๆ ไว้กับตัวเองน้อยลง เมื่อก่อนสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้เลยก็คือการให้หนังสือคนอื่น (หัวเราะ) เพราะหนังสือเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเรา เดี๋ยวนี้ก็โอเค ไม่เป็นไร มีใครมาขอเจ้าชายน้อย ก็เอาไป เราเก็บเวอร์ชันเก่าๆ ไว้พอ หรือใครยืมหนังสือไปไม่คืนก็ไม่เป็นไร เริ่มรู้ตัวว่าไม่มีที่วาง (หัวเราะ)
    .
  10. สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนแก่ก็คือการรับมือกับความตายนี่แหละ ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อน มันเข้ามาเป็นวิถีชีวิตอยู่แล้ว ได้เห็นอยู่แล้ว เราก็แทบจะไม่ต้องรับมือเลย เหมือนอย่างตอนเด็กๆ เราดูเขาเผาศพบนกองฟืน ได้เห็นและรู้จักความตาย แต่สมัยใหม่ความตายถูกซ่อนอยู่ในโลงศพอันงดงาม อยู่ในเมรุ ทำให้เราไม่ได้เรียนรู้ ไม่ใกล้ชิด ไม่ตระหนักในความตาย การรับมือจึงทำได้ยากกว่า น่าเสียดาย
    .
  11. นอกจากเรื่องความตาย คนแก่ก็ควรเรียนรู้เรื่องคนแก่ด้วย อันนี้สำคัญมาก เพราะว่าถ้าเราแก่ผิดทางนี่ยุ่งเลย แก่แล้วโมโห แก่แล้วเครียด มีปัญหากับลูกหลาน มันเป็นภาระหมด เราควรเรียนรู้ว่าแก่แล้วทำอย่างไรให้ชีวิตมีความหมาย ทำให้ชีวิตเราสบาย ไม่เป็นภาระกับคนอื่น แก่แล้วสบายๆ ดีที่สุด เพราะว่าแก่แล้วไม่มีอะไรดี เราก็ต้องทำชีวิตให้ดี

คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ (อายุ 76 ปี)
ประธานกรรมการโรงพยาบาลจักษุรัตนิน นักเขียนเจ้าของผลงาน เข็นครกตัวเบา ฯลฯ, ที่ปรึกษาสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ, ผู้ขับเคลื่อนให้เกิดศูนย์ดูแลเพื่อผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice) ในประเทศไทย

  1. ใครว่าความแก่ไม่ดี ป้าสนุกขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 53-54 ยิ่ง 70 กว่านี่ดีมากๆ เลย คนแก่รู้ว่าชีวิตเหลือน้อย ก็ยิ่งรู้ค่าของแต่ละวันที่เหลือ
    .
  2. ‘ตัวฉันวันนี้’ ‘ตัวฉันเมื่อปีก่อน’ เป็นคนละคนกันนะ เพราะทุกครั้งที่เราคิดอะไร ทำอะไรลงไป เราก็จะเป็นสิ่งนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ลดละอะไร ก็เป็นอย่างนั้นน้อยลง แล้วจะยึด ‘ตัวฉัน’ คนไหน ใครจะนินทาก็นินทาไป นินทาฉันคนไหนล่ะ ‘ฉันพรุ่งนี้’ ก็มองฉันวันนี้เป็นคนในอดีตไปแล้ว (หัวเราะ)
    .
  3. ป้าเคยทุกข์มาเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงอายุ 40-50 สมองกับใจเหมือนเครื่องซักผ้าที่ข้างในสกปรกมากๆ กลัว โกรธ อยาก ไม่อยาก สารพัน เหมือนผ้าสกปรกที่หมุนวน อัตตาตอนนั้นมันข้นคลั่ก เคราะห์ดีที่ช่วงหนึ่งพอจะมีสติถอยออกมามอง เห็นได้เลยว่าถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไป คงไม่ฆ่าตัวตายก็เป็นบ้า
    .
  4. สำหรับป้า ยามนี้ชีวิตมีสมดุลที่การยอมรับ ไม่ใช่การฝืน ป้าเป็นศิษย์พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ว่าด้วยเรื่องวิถีสู่ความตายอันสงบ เรื่องความตาย ถ้าไม่มีอะไรตายก็ไม่มีอะไรเกิด พืช ผัก สัตว์ ต้องตายเพื่อให้สิ่งมีชีวิตได้กินเพื่ออยู่
    .
  5. ป้าไม่อยากเป็นไอดอลของใคร เพราะตัวเราเองจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ป้าไม่ ‘ชัวร์’ อะไรสักอย่าง เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่ ‘ชัวร์’ ได้ ใครอย่ามาถามอะไรกับป้าว่า ‘แน่ใจไหม’ เพราะป้าไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง นอกจากเรื่องความ ‘ไม่แน่’
    .
  6. ‘ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน’ ป้าไม่กล้าพูดหรอก แหม เตาต้มน้ำร้อนสมัยป้ากับสมัยนี้เทคโนโลยีมันห่างกันไกล หนุ่มๆ สาวๆ เข้าอาบน้ำร้อนแบบเปิดปุ๊บติดปั๊บ เราต้องนับถือเขา นี่เป็นโลกของคนยุคใหม่
    .
  7. ความแก่ให้ ‘อิสรภาพ’ ทางใจกับเรา เมื่อก่อนจะออกไปไหนต้องผัดหน้าทาปาก อยากให้คนเห็นว่าสวย ตอนนี้มันเหี่ยวหมดแล้ว แค่ดูแลพอไม่ให้ดูทุเรศนัยน์ตาก็พอ
    .
  8. เวลาบอกคนอื่นว่า 76 แล้วนะ เขาก็ยกโทษให้ ขึ้นรถไฟฟ้าหรือใต้ดิน ใครลุกให้เราก็รู้สึกแสนดี เขาไม่ลุกให้ก็แสนดีอีก ฝึกการ-ทรงตัวไง เรายึดติดน้อยลงเพราะไม่รู้ว่าจะยึดไปทำไม (หัวเราะ) ไม่ใช่เพราะว่าเฉลียวฉลาดอะไรหรอก มันเหลือเวลาน้อย
    .
  9. ที่ป้ามีความสุขได้อย่างทุกวันนี้เพราะได้อยู่กับสามีที่แสนดี อยู่กับงานด้านคุณภาพความแก่ และคุณภาพความตาย เป็นงานที่ใครๆ ชื่นชมว่าเป็นงานของการให้ แต่การให้กับการรับเป็นเนื้อเดียวกัน แยกกันไม่ออกหรอก ป้าได้รับความสุขมากมายจากการทำงานนี้ ทำไปเรื่อยๆ ทำไม่ไหวเมื่อใดก็หยุด
    .
  10. การเตรียมรับมือกับความตาย คือไม่คาดหวัง แค่เตรียมพร้อมว่าถ้าจะตายพรุ่งนี้ วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งก็ทำได้ไม่หมดหรอก ถึงมันก็ค้างๆ อยู่บ้างก็ช่างมัน ฝึกตัวเองให้พร้อมที่จะอยู่กับความ-ไม่รู้ คนเรามักจะชินกับการควบคุมโน่นนี่ให้เป็นอย่างที่ต้องการ พอควบคุมไม่ได้ก็เครียด แต่ความตายมันควบคุมไม่ได้นะ
    .
  11. ฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า ให้เป็น ‘เพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง’ อยู่กับเพื่อนที่ดีที่สุดคนนั้นให้ได้ อย่างไม่เบื่อ ไม่เหงา เวลาเขาผิดพลาดทุกข์ร้อน คุณก็แนะนำเขาว่าทำอย่างไรจะดีที่สุด คุณจะไม่ทำร้ายเขา เพราะเขาเป็นเพื่อนที่อยู่กับคุณตลอดเวลา

นิรุตติ์ ศิริจรรยา (อายุ 68 ปี)
นักแสดงที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มากว่า 50 ปี

  1. ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมมีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาอยู่เสมอ ซึ่งเราสามารถเก็บเกี่ยวมันได้ในทุกวัน สมมติว่าคุณมีสัตว์เลี้ยงอยู่ตัวหนึ่ง เห็นมันวิ่งกระโดดโลดเต้นหรือทำท่าทางแปลกๆ คุณก็ตื่นเต้นแล้ว หรือวันหนึ่งลูกหลานคุณวิ่งเข้ามาหอมแก้มสักที คุณก็ตื่นเต้นได้เหมือนกัน ฉะนั้น คำพูดที่ว่าอายุมากขึ้นแล้วความตื่นเต้นจะลดถอยลง มันไม่จริงเลย
    .
  2. ประสบการณ์คือข้อดีที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น เพราะมันไม่มีอยู่ในตำรา ไม่มีอยู่ในหนังสือ ประสบการณ์ที่แท้จริงเริ่มขึ้นเมื่อเราลงมือทำอะไรสักอย่าง ครูสามารถสอนให้เราอ่านออกเขียนได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องประสบการณ์ ไม่มีครูคนไหนสามารถสอนได้หรอก
    .
  3. ที่มนุษย์เราวุ่นวายแบบทุกวันนี้เป็นเพราะ ‘ความอยาก’ ทั้งนั้น เพราะมนุษย์ไม่ค่อยมองตัวเอง เวลาบอกว่าอยากทำอย่างโน้นอยากทำอย่างนี้ ถามว่าคุณประเมินตัวเองก่อนหรือยัง ถ้าอยากเป็นอย่างนี้ คุณมีความสามารถพอแล้วหรือเปล่า เพราะแค่ความอยากมันยังไม่พอ ในความอยากมันต้องมีความสุข ความรัก และความพอใจ ทั้งที่เราจะให้กับเขาและเราจะได้จากเขาด้วย
    .
  4. อย่าเสียดายอะไรในโลกนี้หรือในชีวิตคุณเลย เรื่องเดียวที่ควรเสียดายคือ ความรักที่คุณมีต่อพ่อแม่เท่านั้น ผู้ชายบางคนอยู่กับพ่อแม่น้อยกว่าผู้หญิง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รักพวกท่าน แค่การแสดงความรักของผู้ชายมันยากกว่าเท่านั้นเอง
    .
  5. เรื่องความรักแบบหนุ่มสาวมันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งมีในสมัยนี้ มันมีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ฝรั่งเขามีคำพูดอยู่คำหนึ่งว่า puppy love ไม่ว่าใครที่เห็นลูกหมาก็ใจสลายเพราะความน่ารักของมันทั้งนั้น แต่พอมันโตขึ้น สกปรกขึ้น ซนขึ้น เราก็ไม่มองว่ามันน่ารักเหมือนแต่ก่อน เลยเอาไปปล่อยบ้าง ทิ้งบ้าง ลูกหมาก็เหมือนจิตใจของมนุษย์ เราต้องคิดให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจจะเลี้ยงดูมัน ความรักก็เหมือนกัน
    .
  6. หนุ่มสาวหลายคู่แสดงความรักในวันวาเลนไทน์โดยการซื้อกุหลาบราคาแพงไปตามธรรมเนียมที่ฝรั่งเขาทำกัน ถามว่าทุกวันจะรักกันไม่ได้เหรอ ลองสังเกตรุ่นใหญ่ที่แต่งงานกันมาเป็นสิบๆ ปีดู ขนาดแค่ดอกไม้หน้าบ้านเขายังไม่เคยไปเด็ดมาให้กันเลย มันเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะผมรักคุณ ให้คุณไปหมดทุกอย่างแล้ว มันจะสำคัญอะไรนักเชียวกับแค่ดอกไม้ดอกเดียว ตอนนี้คุณคือตัวผม และผมก็คือตัวคุณไปแล้ว
    .
  7. ถ้าให้บอกว่าใครถูกใครผิด ทำไมลูกไม่ดูแลพ่อแม่ ผมว่ามันไม่ค่อยยุติธรรม ตอนเรายังเด็ก เราก็นั่งรอแม่กลับจากทำงานทุกคืน มาตอนนี้ถึงเวลาที่เขาแก่ตัวลง เราก็กลับมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ อาจจะไม่มีเวลามาดูแลพ่อแม่เท่าที่ควร แต่การตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อส่งเสียครอบครัวก็เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ
    .
  8. เราต้องเข้าใจมนุษย์ว่า เด็กเหมือนคนแก่ คนแก่ก็เหมือนเด็ก พออายุมากขึ้นก็อยากให้คนเอาใจ ต้องการให้มีคนคอยอยู่ด้วย ก็เหมือนกับเด็กนั่นแหละที่ถ้าปล่อยไว้คนเดียวจะร้องไห้บ้านแตก แต่ผู้ใหญ่เขาไม่ร้อง เขาเงียบ แต่บ้านก็แตกได้เหมือนกัน
    .
  9. สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์คือ การมีงานทำ ถ้าไม่มีงานทำ ทุกอย่างในชีวิตจะหยุด เพราะการทำงานทำให้เรารู้สึกมีค่า รู้สึกเป็นที่ต้องการ รู้สึกว่ามีหน้าที่ และยังมีความสำคัญกับคนบางกลุ่มอยู่
    .
  10. ถ้าความรู้สึกที่เรามีต่องานที่ทำอยู่ ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงที่เรารัก แปลว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้องแล้ว
    .
  11. เด็กสมัยนี้โตมากับเทคโนโลยี ประสบการณ์ชีวิตไม่ค่อยมี บางทีคุยกับผมก็ไม่รู้เรื่องแล้ว เขาไม่ได้อะไรจากผม และผมก็ไม่ได้อะไรจากเขา การสอนที่จะช่วยพัฒนาตรงนี้ได้คือ การอบรมบ่มนิสัยจากครอบครัวและโรงเรียน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า เด็กไม่เคยโดนทำโทษ ครูก็ตีไม่ได้แล้ว โดนไล่ออก ถ้าเป็นสมัยผมไปโรงเรียนสาย จะโดนสั่งให้วิ่งรอบสนาม อายเพื่อนทั้งโรงเรียน แต่เทคโนโลยีไม่สอนให้เราอายเวลาทำความผิด เพราะเรื่องน่าอายมีเกลื่อนไปหมด เด็กเลยมองเรื่องน่าอายเป็นเรื่องปกติ ขนาดเรื่องน่าอายกว่านี้ก็ยังเคยมีคนทำมาแล้ว

Source : https://adaybulletin.com/ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ ที่นี่