สังคมวิกฤตเห็นผิดเป็นชอบ

สังคมวิกฤตเห็นผิดเป็นชอบ

Author : Admin

อันความดีทำไว้ไม่หายสายสูญ

จะเกื้อกูลตามต้องสนองผล

ให้ความสุขสมหมายดังใจคน

เกิดเป็นคนควรทำแต่กรรมดี

เป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองมีแต่เรื่องเดือดร้อน อุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิดก็เกิดบ่อยจนผิดปรกติ เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีข่าวรถไฟชนกันเองบ้าง ตกรางบ้าง ชนกับรถสิบล้อบ้าง ฯลฯ ทั้งๆที่แต่ก่อนนี้อุบัติเหตุทางรถไฟมีน้อยมาก การเดินทางโดยรถไฟถือว่าปลอดภัยที่สุด สาเหตุที่เกิดขึ้นพอสอบสวนกันแล้วก็พบว่า เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ คนขับเมาบ้าง หลับบ้าง คนนั้นเป็นเหตุคนนี้เป็นเหตุบ้าง ก่อวินาศกรรมบ้าง ความบกพร่องทางวัตถุ ที่คนรับผิดชอบไม่ละเอียดลออเพียงพอบ้าง และประมาทเลินเล่อบ้าง เสร็จแล้วจะหาทางแก้ด้วยการเปลี่ยนรางใหม่ให้ใหญ่ขึ้น หาเรื่องใช้งบประมาณอีกเป็นพันๆล้าน ทั้งๆที่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รางเป็นเอก แต่อยู่ที่คน

นอกจากอุบัติภัยดังกล่าวแล้ว ยังเกิดภัยธรรมชาติ เกิดวาตภัย อุทกภัย กระหน่ำภาคใต้ถึงสองครั้งสองหนติดๆกัน ผู้คนตายนับร้อยพัน บ้านช่องพังพินาศ ต้นไม้ล้มระเนระนาด ที่อาศัยที่ทำกินสูญเสียสภาพ นับว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสลด และรุนแรงมาก หรือว่าเหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ทำนายไว้ ได้มาถึงแล้วถึงยุคที่…

….เดือนดาวฟ้าจะอาเพศ….

บัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน

หาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ

กิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง…

คงจะไม่มีใครอยากเจอเรื่องทุกข์ร้อนแบบนี้ แต่ถ้าตราบใดผู้คนไร้ศีลธรรม ผู้มีอำนาจข่มเหงรังแกผู้ทรงศีลทรงธรรม ทั้งที่อยู่ในร่างฆราวาสและบรรพชิต ผู้ที่มีอำนาจใช้อำนาจช่วยคนผิดทำลายคนดี ทำลายป่าเขา ห้วยละหาน ธรรมชาตินานา ทำลายเศรษฐกิจ-รัฐกิจ เพราะรู้เศรษฐศาสตร์-รัฐศาสตร์ เพียงทางวัตถุ หรือรูนามธรรมก็แค่ขั้นต้นหยาบๆไม่ลึกซึ้งพอในทางจิตวิญญาณ ผู้มีอำนาจใช้อำนาจช่วยทำลายอุปนิสัยใจคอ และจิตวิญญาณผู้คน

เบียดเบียนผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประชาชน คงจะต้องเจอภัยพิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ท่านที่ติดตามพุทธทำนายมาจนตลอดจนถึงตอนที่สิบสองแล้วคงจะไม่สงสัยว่า ทำไมบ้านเมืองจึงเดือดร้อน สังคมจึงสับสนวุ่นวาย เราจะสักเกตได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสไว้เสมอว่า ถ้ามนุษย์ไร้ศีลธรรม ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ ถืออำนาจบาตรใหญ่เอาเปรียบและข่มเหงรักแกประชาชน ความเลวร้ายในสังคมก็จะเกิดขึ้น ภัยพิบัติต่างๆนานา ก็จะปรากฏ

พุทธทำนาย นี้ก็เช่นกัน พระเจ้าปเสนทิโกศลได้สุบินนิมิตว่า

ได้เห็นน้ำเต้าแห้งกลวง ซึ่งปกติลอยน้ำได้ กลับจมดิ่งลงน้ำ

พระพุทธองค์ได้ทรงอธิบายทำนายไว้ว่า ตามที่โบราณาจารย์ได้แต่งเป็นบทกวีเกี่ยวกับเรื่องราวตอนนี้ไว้ว่า

สิบสองเล่าเห็นน้ำเต้านั้นจมชล

ดูวิกลไม่เคยพบประสบเห็น

พุทธบรรหารว่านานไปจะเกิดเป็น

ข้อที่เข็ญของสัตว์วิบัติมี

ปราชญ์ผู้รู้ธรรมจะต่ำต้อย

พาลาลอยเฟื่องฟูชูศักดิ์ศรี

ผู้พงศาตระกูลประยูรมี

จะลับลี้เสื่อมสูญประยูรยศ

พวกคนพาลจะร่านเริงบันเทิงหน้า

เจรจาผิดธรรมไปจนหมด

ใครปลอกปลิ้นลิ้นลมเป็นคนคด

รู้โป้ปดกลอกกลับจึงนับกัน…..

พระพุทธองค์อธิบาย หรือทำนายความฝันนี้ไว้ว่าในภายหน้า เมื่อมนุษย์ไร้ศีลธรรม โลกจะวิปริตแปรปรวนจะเกิดภัยพิบัติต่างๆนานา

นักปราชญ์ผู้มีคุณธรรมจะอยู่ยาก จะถูกกีดกันกลั่นแกล้งจากคนพาลที่มีอำนาจมีอิทธิพล คนบางคนอาศัยวิธีการฉ้อฉลต่างๆ เพื่อปีนป่ายขึ้นสู่ฐานะอันสูงศักดิ์ เพื่อมีอำนาจในบ้านในเมือง แต่ด้วยความเป็นพาลอันเป็นวิสัย จึงชอบใช้อำนาจนั้นไปในทางผิดพลาดเบียดเบียนผู้อื่น ทำความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยพยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะฉลาด เพื่อไม่ให้ประชาชนจับได้ว่า เป็นการฉ้อโกง เป็นการกดขี่ข่มเหง เป็นการแสวงหารายได้และความสุขสำราญ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมใดๆ กอบโกยผลประโยชน์อันจะพึงเป็นของประชาชน มาเป็นของตัว แล้วเขาก็หลงเข้าใจตนผิดว่าเป็นคนดีคนฉลาด ไม่มีใครรู้เท่าทันและท้วงติงติเตียนเขาได้ (เมื่อมีอำนาจ ย่อมหาคนกล้าไปท้วงติงได้น้อย) เขาจะดูถูกประชาชนว่า โง่เง่า ไม่รู้เท่าทัน เขาจึงใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา และยิ่งร้ายแรงซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

ยุคนี้จะเป็นยุคที่คนในภาษาไทยเรียกว่า  ฉลาดเป็นกรด แต่ในภาษาพระเรียกว่า  เฉกตา  หรือ  พาลตา คือคนพาลมีอำนาจวาสนา คนทีขี้ประจบสอพลอจะอยู่ได้ ถือว่าเป็นพวกเดียวกันแต่คนที่จริงใจและยึดมั่นในอุดมการณ์ หากขัดผลประโยชน์ของเขาก็จะอยู่ยาก จะต้องถูกกีดกันกลั่นแกล้งให้ตกต่ำลงไป ความดีคือการมีผลประโยชน์ร่วมกัน (ร่วมกันโกง ร่วมกันกิน) ใครให้ผลประโยชน์ได้ คนนั้นคือคนดี ใครขัดผลประโยชน์เขาหรือให้ผลประโยชน์เขาไม่ได้ คนนั้นคือคนเลว ไม่ควรจะอยู่ร่วมสังคมด้วย คนดีที่รักบ้านรักแผ่นดิน จึงถูกกำจัดตลอดเวลา คนที่ต้องการเอาตัวรอดจึงไม่กล้าขัด และมักจะนิยมนับถือถ้อยคำของคนคดโกง

คำโกหกมดเท็จของคนพาล คำของอลัชชี จะถูกยกย่องนับถือ

ส่วนคำของสัตบุรุษ ผู้มีศีล มีธรรม ประพฤติดีปฎิบัติชอบแท้จริง จะถูกดูถูกเยาะเย้ยถากถาง หาว่าเป็นถ้อยคำที่วิปริตผิดธรรมวินัย

ไม่ต้องอื่นไกลยกตัวอย่างง่ายๆ แค่ประกาศแนะนำให้ถือศีล 5 ทั้งๆที่มีคำพรรณนาไว้ตอนท้ายว่า ถ้ารักษาศีล 5 ได้จะมีอานิสงส์หลายอย่าง จะมีโภคทรัพย์ก็เพราะศีล จะไปสู่สุคติโลกสวรรค์ก็เพราะศีล แม้ที่สุด จะไปสู่นิพพานอันยิ่งกว่าสุขก็เพราะศีล แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจอยากไป แต่พอเขาได้ยินหรือเห็นภาพโฆษนายั่วยุทั้งของมอมเมาฟุ่มเฟือย มากตัณหาราคะมากความ สิ้นเปลืองโภคทรัพย์ในจอโทรทัศน์ กลับหูผึ่ง น้ำลายไหล หัวใจสั่นบอกไม่ถูก แสดงให้เห็นว่า ค่านิยมของคนทุกวันนี้ต่ำลงมาก

คนที่หวังผลประโยชน์ จึงชอบเอาสิ่งของมอมเมามาล่อ มาหลอกประชาชน ส่วนคนดีที่พยายามกอบกู้ ป้องกัน ไม่ให้ประชาชน ส่วนคนดีที่พยายามกอบกู้ ป้องกัน ไม่ให้ประชาชนถูกหลอกยั่วตัณหาจากสิ่งมอมเมา จึงต้องทำงานหนัก ไหนจะหนักเพราะต้องคอยจูงนำสังคมให้ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องซึ่งเป็นงานที่ยากแสนยาก นอกจากนี้ยังต้องหนักเพราะคอยสู้กับพวกหวังกอบโกยผลประโยชน์ ด้วยการมอมเมาประชาชนอีก จึงเป็นงานที่เสี่ยง และต้องเสียสละอย่างมาก

เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่มุ่งมั่นทำความดี เพื่อให้สังคมพ้นจากภาวะทุกข์เข็ญ จะได้ไม่เป็นดังที่พระพุทธองค์ทำนาย ก็ขอให้อ่านข้อความต่อไปนี้หลายๆเที่ยว ข้อความที่จะช่วยให้เกิดกำลังใจนั้น มีผู้รู้ท่านได้กล่าวไว้ดังนี้

เรื่องการกลั่นแกล้งกีดกัน จะเป็นภัยเป็นอันตราย เป็นเครื่องบั่นทอนอย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีจิตใจอ่อนแอ เห็นอุปสรรคเป็นเรื่องร้ายเป็นเรื่องน่ากลัว เมื่อถูกกลั่นแกล้งกีดกัน เขาจะหมดกำลังใจในการทำดีทำประโยชน์ในที่สุดก็จะเลิกทำความดี เลิกบำเพ็ญประโยชน์

แต่เรื่องกีดกันกลั่นแกล้งนี้เอง จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับบุคคลผู้มีกำลังใจเข้มแข้ง ทนทาน เด็ดเดี่ยว ยิ่งถูกกลั่นแกล้งมากเท่าใด เขายิ่งมุมานะทำความดีทำประโยชน์ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า การกลั่นแกล้งกีดกันนั้น ไม่มีผลจะมายับยั้งอุดมการณ์ที่จะทำความดีของเขาได้ ปรกติคนที่มีลักษณะลอยอยู่เสมอนั้น ใครจะกลั่นแกล้งกีดกัน หรือกดให้จมไม่ได้ เมื่อถูกกดที่นี่ก็จะต้องไปโผล่ที่อื่น เหมือนมะพร้าวก็ลอยขึ้นน้ำ หรือเหมือนพระอาทิตย์ ซึ่งลอยเด่นอยู่เสมอ จะต้องมีคนไม่มุมใดก็มุมหนึ่งของโลก มองเห็นพระอาทิตย์อยู่ตลอดเวลา

ตรงกันข้าม คนที่มีลักษณะจมเหมือนก้อนหิน แม้จะลอยอยู่เหนือน้ำได้ เพราะมีคนคอยเอามือรองรับไว้ แต่พอปล่อยมือมันก็จมต่อไปเหมือนคนบางคนบางพวก มีลักษณะจมอยู่เหมือนนิสัย ลอยอยู่ได้เพราะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชู พอขาดผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ก็จมเอาตัวไม่รอด อาศัยร่มเงาจากกลุ่มเมฆ จะยั่งยืนถาวรสักแค่ไหน

หวังว่า ผู้ที่มุ่งหมายประกอบคุณงามความดี เพื่อให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคเป็นบางช่วงบางขณะ จนดูเหมือนถูกกดให้จมลงไปบ้าง ก็อย่าเพิ่งท้อถอย พึงทำดีให้เข้มแข้งอดทนตลอดไป ถ้าเราเป็นของลอยจริง สักวันหนึ่งมันก็ต้องโผล่ขึ้นมาจนได้ แต่ผู้ที่มีลักษณะจม แม้ตอนนี้จะดูเหมือนเขาลอยอยู่ก็อย่าแปลกใจเลย ไม่ช้าเขาก็จะจมเอง เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น ขอให้เรามีความพากเพียรบากบั่น และตั้งใจทำความดีไปให้ตลอด ตราบใดที่โลกยังมีคนดี ยังไม่ไร้ซึ่งศีลธรรม น้ำเต้าน้อยก็จะลอยตามปรกติ สังคมก็จะไม่เดือดร้อนตามที่พระพุทธองค์ทรงทำนาย เพราะพระองค์มีข้อแม้ไว้ว่า

ถ้ามนุษย์ไร้ศีลธรรม ภัยพิบัติต่างๆก็จะเกิดขึ้น

ดังนั้น เรามาเร่งสร้างศีลธรรมให้เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์กันเถิด เคราะห์กรรม ของเพื่อนมนุษย์จะได้ลดน้อยลง